จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความแตกต่างระหว่าง O-NET/ GAT-PAT/ วิชาสามัญ

ข้อสอบเป็นยังไง ?         O-NET : ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการทดสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพราะฉะนั้นลักษณะข้อสอบจึงเป็นเนื้อหาที่เรียนกันในระดับม.ปลาย เป็นความรู้พื้นฐานตามหลักสูตรค่ะ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการทดสอบวัดผลการเรียนของโรงเรียนนั้นๆ
         GAT-PAT : จะเริ่มเป็นข้อสอบที่เน้นเรื่องวิชาชีพและความถนัดในแต่ละอาชีพมากขึ้น เช่น ความถนัดทางวิชาชีพครู ความถนัดทางวิศวกรรม เป็นต้น โดยเป็นความรู้ในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อวัดความสามารถ การคิดวิเคราะห์ต่างๆ จะได้คัดเด็กกันแบบเน้นๆ เพราะฉะนั้นข้อสอบฉบับนี้ก็จะยากขึ้นด้วย
         7 วิชาสามัญ : เป็นเนื้อหาตามหลักสูตรที่อยู่ในบทเรียนตั้งแต่ ม.4-6 แต่จะยากกว่าข้อสอบโอเน็ตเพราะเป็นข้อสอบที่ใช้คัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย โดยเนื้อหาจะออกให้ตรงกับที่มหาวิทยาลัยมากที่สุด  เป็นปรนัย 5 ตัวเลือก

สอบตอนไหน ?         O-NET : สอบช่วงเดือน กุมภาพันธ์ของทุกปี
         GAT-PAT : ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะสอบได้เพียง 2 ครั้ง คือ ในเดือนตุลาคมและมีนาคม
         7 วิชาสามัญ : ต้นเดือนมกราคม

ใครเป็นคนออกข้อสอบ ?          O-NET : อาจารย์ระดับมัธยมปลายที่มีความเชี่ยวชาญในการออกข้อสอบ (อาจจะเป็นคุณครูของน้องๆ ก็ได้ แต่เค้าปิดเป็นความลับขั้นสุดยอดว่าใครเป็นคนออก) โดยมี สทศ.เป็นหน่วยงานจัดสอบ
         GAT-PAT : อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย
         7 วิชาสามัญ : อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย

สอบอะไรบ้าง ?          O-NET : มี 6 ฉบับ 8 วิชา คือ ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, สังคมศึกษา, ภาษาอังกฤษ, วิทยาศาสตร์, สุขศึกษา พลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี
         GAT-PAT : GAT แบ่งออกเป็น 2 พาร์ทใหญ่ๆ คือ พาร์ทเชื่อมโยงวัดการวิเคราะห์และทักษะการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ อีกพาร์ทนึง คือ พาร์ทภาษาอังกฤษ ส่วน PAT วัดความถนัดในสาขาต่างๆ มีอีก 7 ฉบับ คือ ความถนัดทางคณิตศาสตร์, ความถนัดทางวิทยาศาสตร์, ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์, ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์, ความถนัดทางวิชาชีพครู, ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ และความถนัดภาษาต่างประเทศอีก 6 ภาษา คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน อาหรับและภาษาบาลี
         7 วิชาสามัญ : มีทั้งหมด 7 วิชา คือ ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, สังคมศึกษา, คณิตศาสตร์, ฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ โดยไม่มีวิชาหมวดศิลปะ สุขศึกษา ฯลฯ ซึ่งเป็นความแตกต่างจากข้อสอบโอเน็ต

เด็กดีดอทคอม :: แฉ!! ความแตกต่างระหว่าง O-NET/ GAT-PAT/ วิชาสามัญ

สมัครสอบยังไง ?         O-NET : ทางโรงเรียนเป็นผู้สมัครสอบให้ แต่ในกรณีของนักเรียนเทียบเท่าจะต้องสมัครสอบเอง ประมาณเดือนพฤศจิกายน ทางเว็บไซต์ของ สทศ. www.niets.or.th
         GAT-PAT : สมัครด้วยตัวเองทางเว็บไซต์  www.niets.or.th โดยจะเปิดรับสมัครกัน 2 รอบ รอบแรกสมัครสอบช่วงเดือน ก.ค.(ปิดรับสมัครแล้ว) และรอบสองสมัครสอบช่วงเดือนพฤศจิกายน โดย GAT จะต้องสอบทุกคน PAT สามารถเลือกสอบเฉพาะวิชาที่ใช้ได้
         7 วิชาสามัญ : สมัครด้วยตัวเอง ตลอดเดือนตุลาคม เลือกเฉพาะวิชาที่จะสอบ

มีเวลาทำข้อสอบกี่นาที ?         O-NET : ไม่มากไม่น้อยเกินไป วิชาละ 2 ชั่วโมงถ้วนค่ะ
         GAT-PAT : จัดไปเต็มๆ วิชาละ 3 ชั่วโมง
         7 วิชาสามัญ : 1 ชั่วโมง 30 นาที

คะแนนเต็มเท่าไหร่ ?         O-NET : วิชาละ 100 คะแนน
         GAT-PAT : วิชาละ 300 คะแนน
         7 วิชาสามัญ : วิชาละ 100 คะแนน

สอบมาแล้ว คะแนนเก็บได้กี่ปี ?         O-NET : สอบได้ครั้งเดียวตอน ม.6 หลังจากนั้นคะแนนจะอยู่กับเราไปตลอดกาลนาน
         GAT-PAT : อยู่ได้ 2 ปี
         7 วิชาสามัญ : ใช้ได้ปีต่อปี ปีหน้าจะสอบใหม่ก็ต้องสมัครใหม่ค่ะ

เอาคะแนนไปทำอะไรได้บ้าง ?         O-NET : เป็นองค์ประกอบนึงในการคัดเลือกเข้าในระบบแอดมิชชั่นกลาง รวมถึงใช้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการสอบ กสพท. นอกจากนี้ยังใช้ประเมินคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนระดับมัธยมด้วย ดังนั้น โรงเรียนจะคุณภาพทางการศึกษาดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับน้องๆ ด้วยนะ
         GAT-PAT : เป็นองค์ประกอบในการคัดเลือกทั้งในระบบสอบตรงและแอดมิชชั่นกลาง (เลือกคะแนนที่ดีที่สุด แต่สอบตรง ส่วนใหญ่จะใช้ GAT/PAT รอบตุลาคม)
         7 วิชาสามัญ : เป็นข้อสอบกลาง ใช้ในการคัดเลือกระบบรับตรงของมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมระบบเคลียริ่งเฮ้าส์ (บางมหาวิทยาลัยไม่ใช้คะแนนส่วนนี้ เพราะจัดสอบเอง)

จะสมัครสอบ ต้องจ่ายเท่าไหร่ ?         O-NET : ฟรี! ฟรี! ฟรี!
         GAT-PAT : วิชาละ 140 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมธนาคาร)
         7 วิชาสามัญ : วิชาละ 100 บาท

ข้อสอบนี้ มันยากหรือง่าย ?          O-NET : เมื่อเทียบกับข้อสอบ 3 ชุด ง่ายที่สุด เพราะเป็นเนื้อหาระดับพื้นฐาน
         GAT-PAT : ยาก!! เพราะอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ออก แต่อาจจะใช้เซ้นส์พอเดาทางได้
         7 วิชาสามัญ : ยาก!! เนื่องจากเป็นข้อสอบที่ใช้คัดเลือกและมีความเข้มข้นทางด้านเนื้อหา ดังนั้นจึงมีระดับความยากใกล้เคียงกับ PAT หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ (เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจ คิดว่าจะชิวนะ หึหึ)

เลือกสนามสอบเองได้ปะ ?         O-NET : เลือกไม่ได้ ผู้จัดสอบจัดสนามให้ ถ้าโชคดีก็จะได้อยู่ในโรงเรียนตัวเอง ถ้าโชคร้ายก็ไปโรงเรียนอื่น (ที่ไม่ไกลมาก)
         GAT-PAT : เลือกเองได้
         7 วิชาสามัญ : เลือกเองได้ (แต่เท่าที่ประกาศออกมาตอนนี้ เปิดเพียงแค่ 4 สนาม คือ กทม., เชียงใหม่, ขอนแก่นและสงขลา ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเปิดเพิ่มมั้ย)

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปฏิทินชีวิตเด็กแอด 55

เด็กดีดอทคอม :: แฉ!! ปฏิทินชีวิตเด็กแอดฯ 55 หลอนได้อีกเด็กดีดอทคอม :: แฉ!! ปฏิทินชีวิตเด็กแอดฯ 55 หลอนได้อีกเด็กดีดอทคอม :: แฉ!! ปฏิทินชีวิตเด็กแอดฯ 55 หลอนได้อีกเด็กดีดอทคอม :: แฉ!! ปฏิทินชีวิตเด็กแอดฯ 55 หลอนได้อีก***หมายเหตุ การประกาศผลสอบ ของ กสพท. ยังไม่กำหนดวันแน่นอน ถ้าชัดเจนแล้วจะมาแจ้งอีกทีค่า
สรุปคร่าวๆ = เสาร์ - อาทิตย์ มีแต่สอบ

การสอบครั้งที่ 1 คือ 24 - 27 ธ.ค. สอบ GAT/PAT ครั้งที่ 1 สอบ 4 วันรวด
>> หลังจากนั้นอีก 10 วัน  สอบ 7 วิชาสามัญ
>> หลังจากนั้นอีก 12 วัน สอบ  วิชาเฉพาะแพทย์ (สำหรับคนสมัครสอบ กสพท.)
>> หลังจากนั้นอีก 27 วัน สอบ  O-NET สอบ 2 วัน
>> หลังจากนั้นอีก 12 วัน สอบ GAT/PAT ครั้งที่ 2 รอบเดือนมีนาคม อีก 4 วันรวด
        เพราะฉะนั้นน้องๆ จะเห็นแล้วว่า พอเสร็จไปสนามสอบนึง มีเวลาอีกแค่ไม่ถึงเดือนก็จะสอบในสนามต่อไปแล้ว น้อยสุด ก็ 10 วัน เรียกได้ว่ายังไม่ทันทำไรก็ต้องมุดหน้าอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกแล้ว
        ที่สำคัญ พี่มิ้นท์ยังไม่ได้รวม สอบกลางภาคซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วง เดือนธันวาคม สอบตรงมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่น่าจะทยอยสอบกันช่วง ธันวา-มกรา และยังมี สอบปลายภาคในเดือน กุมภาพันธ์ด้วย เอาเข้าจริง น้องๆ น่าจะมีเวลาเตรียมตัวสอบแต่ละอย่างก็ประมาณ 1-2 อาทิตย์เท่านั้น ดังนั้น ใครไม่อยากเครียดหรือสติแตกตอนใกล้สอบ ต้องวางแผนดีๆ ซะแล้ว
        ถัดมา ในเดือนเมษายน จะเป็นช่วงเวลาของการแอดมิชชั่นกลาง คือ ตอนนั้นจะได้คะแนนทุกอย่างมาแล้ว ก็ต้องคำนวณคะแนนของตัวเอง และหาคณะที่อยากเรียน หลังจากนั้นก็เลือกคณะ สุดท้ายก็นั่งลุ้นผลที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ในเดือนพฤษภาคมค่ะ